ประวัติศาสตร์ไทย
ขอเสนอเรื่อง
>>>
สมเด็จพระเนศวรมหาราช <<<
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงมีพระนามเดิมว่า พระองค์ดำ พระ
ราชสมภพ
เมื่อวันพฤหัสบดี ปีเถาะ พุทธศักราช ๒๐๙๘
ณ พระราชวังจันทร์ จังหวัดพิษณุโลก
เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระ
มหาธรรมราชาธิราช และพระวิสุทธิกษัตริย์ ทรงมีพระพี่นาง
พระนาม
ว่าพระสุพรรณกัลยา หรือพระองค์ทอง และพระอนุชาทรงพระนามว่า
สมเด็จพระเอกาทศรถ หรือพระองค์ขาว ขณะทรงพระเยาว์
สมเด็จ
พระชนกทรงพระยศเป็นเจ้าขัณฑสีมา ครองเมืองพิษณุโลกมีอำนาจ
บังคับหัวเมืองฝ่ายเหนือ
พ.ศ.๒๑๐๖พระเจ้ากรุงหงสาวดีบุเรงนองยกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา
ได้สำเร็จ
และทรงขอพระองค์ดำ ซึ่งมีพระชนมายุ ๙ ชันษา ไปเป็น
องค์ประกัน ณ กรุงหงสาวดี
และทรงการสงครามเป็นครั้งแรกในคราว
สงครามช้างเผือก โดยพระเจ้าบุเรงนอง เริ่มโจมตี
หัวเมืองเหนือลง
มาก่อน ก่อนจะเลิกทัพกลับกรุงหงสาวดี
พระเจ้าบุเรงนองไม่ไว้วาง
พระทัยพระมหาธรรมราชา ซึ่งครองเมืองพิษณุโลก
จึงได้ขอพระ
นเรศวรไปอยู่ที่หงสาวดีเพื่อทรงเลี้ยงเป็นราชบุตรบุญธรรม
จนเมื่อมี
พระชนมายุ ๑๕พรรษา
พระมหาธรรมราชาซึ่งได้รับการสถาปนาให้
เป็นกษัตริย์ปกครองกรุงศรีอยุธยา ในฐานะเมืองประเทศราชได้ขอ
สมเด็จพระนเรศวรเพื่อมาช่วยราชการ
พระเจ้าบุเรงนองยินยอมแต่
ต้องแลกกับพระสุพรรณกัลยา
โดยนำไปเป็นพระชายาและองค์
ประกันแทน
พ.ศ.๒๑๑๔ได้รับสถาปนาให้ปกครองเมืองพิษณุโลก
เมื่อพระ
ชนมายุ ๑๖ พรรษา
พ.ศ.๒๑๑๗พระชนมายุ
๑๙พระเจ้าบุเรงนองได้เกณฑ์กองทัพไทยไป
ช่วยตีเมืองเวียงจันทร์
พระองค์ได้เสด็จไปพร้อมกับพระราชบิดา(พระ
มหาธรรมราชา)เพื่อไปสมทบกับทัพหลวงแห่งกรุงหงสาวดีที่เมือง
เวียงจันทร์แต่พระองค์ทรงพระประชวรด้วยไข้ทรพิษจึงได้เสด็จกลับ
ก่อน
พ.ศ.๒๑๒๑พระชนมายุได้ ๒๓พรรษา
พระองค์ได้เสด็จมาเฝ้าพระราช
บิดาที่กรุงศรีอยุธยา ประสบเหตุการณ์พระยาจีนจันตุ
ขุนนางเขมร
อาสาเข้ามาปล้นเมืองเพชรบุรีแต่ไม่สำเร็จ ยอมสวามิภักดิ์ไทย
ครั้น
สืบได้ความลับบางประการคิดหนีกลับลงเรือออกไปทะเล
พระองค์ได้
แสดงพระทัยกล้าหาญออกติดตามทันที
พ.ศ.๒๑๒๒พระชนมายุได้ ๒๔พรรษา
พระองค์ทรงเป็นแม่ทัพโจมตี
ชนะพระทศราชา
กษัตริย์เขมรที่ลอบยกกองทัพมาโจมตีทางภาค
ตะวันออก
ได้รับชัยชนะทั้งๆที่กำลังพลน้อยกว่า
พ.ศ.๒๑๒๔พระชนมายุได้ ๒๖พรรษา
เป็นช่วงที่พระเจ้าหงสาวดี
สวรรคตได้เสด็จนำทัพไปร่วมในพิธีบรมราชาภิเษกกษัตริย์พระองค์
ใหม่
คือ พระเจ้านันทบุเรง แทนพระราชบิดา ในคราวนั้นได้แสดงพระ
ปรีชาสามารถนำทัพโจมตีเมืองคังได้สำเร็จ
ซึ่งก่อนหน้านั้น พระมหา
อุปราช
และพระสังกะทัตราชบุตรพระเจ้าตองอูไม่สามารถเข้าตีได้
แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์สามารถชนะศึกในครั้งนี้
พ.ศ. ๒๑๒๖พระชนมายุได้ ๒๘ พรรษา
พระองค์ได้ทรงนำทัพไปช่วย
หงสาวดีรบ กับอังวะตามราชโองการของพระเจ้าหงสาวดีแต่พระองค์
ทรงรู้เท่าทันกุศโลบาย
จึงแสร้งเดินทัพช้านานเกือบสามเดือนจนถึง
เมืองแครง
พ.ศ. 2167พระชนมายุได้ ๒๙ พรรษา
ทรงประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นต่อ
อำนาจการปกครองของพม่า เมื่อเดือน ๖ ขึ้น ๑ ค่ำ
ที่เมืองแครง
พระเจ้ากรุงหงสาวดีมีรับสั่งให้สุรกรรมา ยกทัพตามไล่จับพระองค์
แต่
ในที่สุดพระองค์ทรงยิงปืนข้ามแม่น้ำสะโตงถูกสุรกรรมาแม่ทัพพม่า
ตาย
และกวาดต้อนคนไทยกลับพระนคร
พ.ศ.๒๑๒๘ – ๒๑๓๐ ทรงทำสงครามชนะกองทัพพม่าหลายครั้ง
และ
กองทัพพม่าถูกไทยตีแตกพ่ายกลับไป
ทำให้อาณาจักรไทยมั่งคง
และปลอดภัยจากสงครามมากขึ้น
พ.ศ.๒๑๓๓ภายหลังจากที่สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชทรงพระ
ประชวรและเสด็จสวรรคต
พระองค์ได้เสด็จขึ้นครองราชย์แทน ณ กรุง
ศรีอยุธยาเมื่อพระชนมายุ ๓๕ พรรษา
พ.ศ. ๒๑๓๕ พระชนมายุ ๓๗ พรรษา
เมื่อวันจันทร์แรม๒ค่ำ เดือนยี่ ปี
มะโรง จุลศักราช๙๕๔
พระเจ้านันทบุเรงมีพระราชโองการให้พระมหา
อุปราชายกกองทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอีก
ในครั้งนี้
พระองค์ได้ทรง
กระทำยุทธหัตถีประสบชัยชนะโดยได้จ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าวตรง
ไหล่ขวา
พระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง
***และด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์
ทรงรบและชนะศึก
สงครามทุกครั้งกระทรวงกลาโหมได้ประกาศให้วันที่๒๕ มกราคม
ของทุกปีเป็นวันกองทัพไทพแต่เมื่อนักวิชาการหลายท่านได้คำนวนอ
อกมาใหม่
วันที่กระทำยุทธหัตถีเมื่อ๔๐๐กว่าปี จะตรงกับวันที่๑๘
มกราคม
พ.ศ.๒๑๔๗ทรงกรีฑาทัพไปตีอังวะ พร้อมด้วยพระอนุชา
ถึงเมืองหาง ทรงพระประชวร เป็นหัวระลอกขึ้นที่พระพักตร์และเป็น
ไข้ทรพิษ
เสด็จสวรรคต ณ ทุ่งแก้ว เมืองหาง ตรงกับวันขึ้น ๖ ค่ำ
เดือน ๘ ปีมะเส็ง พระชนมายุ
๕๐ พรรษา เสวยราชสมบัติได้ ๑๕ ปี
ตลอดระยะเวลาพระองค์ท่านทรงทำศึกอยู่ตลอดเวลาด้วยพระ
มหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงห่วงใยบ้านเมืองและชาวสยามทรง
ประกาศอิสระภาพไม่เป็นเมืองขึ้นแก่พม่า พระองค์ทรงเสียสละความ
สุขส่วนพระองค์
ทรงต่อสู้เพื่อให้ได้เอกราช ให้ชาวไทยได้มีผืนแผ่น
เดินอาศัยจนถึงทุกวันนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น